กลิ่นปากในสุนัขและแมว: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

แชร์
สุนัข ,แมว 19 สิงหาคม 2568 20 ครั้ง

ปัญหาที่ซ่อนอยู่ในปากสุนัข

คุณรู้หรือไม่ว่าสุนัขตัวน้อยของคุณอาจกำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงโดยที่คุณไม่รู้ตัว? 80% ของสุนัขอายุ 3 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาเรื่องฟันและช่องปาก ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพโดยรวมอย่างที่คุณไม่เคยคิด

โรคเหงือกพบมากในสุนัขถึง 64% และพบมากขึ้นถึง 85% ในสุนัขและแมวที่มีอายุมากกว่า 3 ปี สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแค่ "กลิ่นปากตุๆ" นั้น อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

ทำไมเข้าใกล้ปากน้องหมาน้องแมวแล้วมีกลิ่นตุๆ

สำหรับเจ้าของน้องหมาน้องแมวบ้านไหนที่ลูกรักสี่ขามีกลิ่นปากตุๆ ให้สงสัยได้เลยว่าน้องๆมีปัญหาโรคเหงือกแล้ว กลิ่นปากเหม็นไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญที่บอกว่ามีแบคทีเรียและการติดเชื้อในช่องปากแล้ว

กลิ่นปากในสุนัขและแมว: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

สาเหตุของกลิ่นปากในหมาและแมว

  1. การสะสมของแบคทีเรีย - ในช่องปากที่ไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม
  2. คราบน้ำลาย (Plaque) - เศษอาหารสะสมกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค
  3. หินปูน – คราบแข็งตัวที่คราบแบคทีเรียที่พัฒนาเป็นหินปูน ซึ่งมีลักษณะแข็งเกาะบนฟันและใต้เหงือก
  4. เหงือกอักเสบ - การติดเชื้อที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น
  5. ฟันผุหรือฟันหัก –ทำให้เกิดการติดเชื้อจากตัวฟันไปยังรากฟัน


"แค่กลิ่นปากมันจะร้ายแรงแค่ไหนสักกันเชียว?"

อย่านิ่งนอนใจ! เพราะผลกระทบของกลิ่นปากและโรคเหงือกนั้นร้ายแรงกว่าที่คิด:

ผลกระทบทันที

  • กินอาหารน้อยลง - เจ็บปวดเมื่อเคี้ยว ส่งผลให้ผอมลง
  • หลีกเลี่ยงการเล่น - เพราะความเจ็บปวดในปาก
  • พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง - หงุดหงิด ไม่ยอมให้จับบริเวณหน้า

ผลกระทบระยะยาว

  • การแพร่กระจายของเชื้อโรค - แบคทีเรียในช่องปากเข้าสู่กระแสเลือด
  • โรคหัวใจ - เชื้อโรคไปติดที่ลิ้นหัวใจ
  • โรคไต - การติดเชื้อเรื้อรังทำลายการทำงานของไต
  • โรคตับ - ผลกระทบต่อการทำงานของตับ
  • ปัญหาระบบหายใจ - การติดเชื้อทางเดินหายใจ

กลิ่นปากในสุนัขและแมว: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

สัญญาณเตือนที่ควรสังเกตกลิ่นปากสุนัขและแมว

ระยะเริ่มต้นกลิ่นปากสุนัขและแมว

  • กลิ่นปากเหม็น ที่แรงกว่าปกติ
  • เหงือกแดงหรือบวม แทนที่จะเป็นสีชมพู
  • มีคราบเหลืองบนฟัน - เริ่มมีหินปูนสะสม
  • น้ำลายไหลมากผิดปกติ

ระยะรุนแรงกลิ่นปากสุนัขและแมว

  • เลือดออกจากเหงือก เมื่อกินหรือเล่น
  • กินอาหารช้าลง หรือใช้ด้านเดียวเคี้ยว
  • หน้าบวม หรือไม่ยอมให้สัมผัส
  • ฟันโยกหรือหลุด
  • ต่อมน้ำเหลืองโต

กลิ่นปากในสุนัขและแมว: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

วิธีแก้ไขปัญหากลิ่นปากสุนัขและแมว

ระยะเริ่มต้น: สุนัขและแมวมีกลิ่นปากและเหงือกบวมแดงเล็กน้อย

สามารถดูแลที่บ้านได้:

  1. แปรงฟันสม่ำเสมอ - วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดคราบ
  2. อาหารเฉพาะโรคฟัน - อาหารเม็ดใหญ่ที่มีเส้นใยพิเศษ เมื่อกัดจะขัดฟันไปในตัว
  3. ขนมขัดฟัน - ช่วยลดคราบจุลินทรีย์
  4. น้ำยาหยดในน้ำดื่ม - ลดแบคทีเรียและกลิ่นปาก

ระยะกลาง: สุนัขและแมวมีหินปูนสะสม กลิ่นปากแรง

ต้องพบสัตวแพทย์:

  • ตรวจช่องปากเพื่อประเมินปัญหาและการดูแลที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการพัฒนาของโรค
  • การขูดหินปูน โดยการวางยาสลบ
  • ทำความสะอาดใต้เหงือก - กำจัดแบคทีเรียที่ซ่อนอยู่

ระยะรุนแรง: สุนัขและแมว ฟันเสียหาย มีหนอง

ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน:

  • ถอนฟันที่เสียหาย
  • ใช้ยาปฏิชีวนะ รักษาการติดเชื้อ

เมื่อใดควรพบสัตวแพทย์ทันที

กรณีฉุกเฉิน

  • เลือดออกจากปากไม่หยุด
  • หน้าบวมอย่างรุนแรง
  • ไม่ยอมกินอาหารเลย
  • เจ็บปวดอย่างรุนแรง
  • กลิ่นปากเหม็นแรงขึ้นเรื่อยๆ
  • เหงือกแดงบวมมากขึ้น
  • มีหินปูนสะสมเห็นได้ชัด
  • กินอาหารช้าลง

กลิ่นปาก "ตุๆ" ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ การมองข้ามปัญหานี้อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อหัวใจ ไต และตับ

สิ่งสำคัญที่ต้องจำ:

  • เริ่มแปรงฟันตั้งแต่เล็กและสม่ำเสมอ
  • ใช้ยาสีฟันเฉพาะสัตว์เท่านั้น
  • เลือกอาหารที่ช่วยดูแลฟัน
  • ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
  • พบสัตวแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ

การดูแลที่ดีวันนี้ จะป้องกันปัญหาใหญ่ในอนาคต เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เพื่อลมหายใจที่หอมและสุขภาพที่ดีของเพื่อนสี่ขาที่คุณรัก!


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q:สุนัขและแมวควรแปรงฟันบ่อยแค่ไหน? 

A: ควรแปรงฟันให้สุนัขและแมววันละครั้ง หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง การแปรงฟันสม่ำเสมอจะช่วยกำจัดคราบและป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย หากน้องไม่คุ้นเคย ให้เริ่มต้นค่อยๆ โดยใช้นิ้วพันผ้าเปียกขัดเบาๆ ก่อน แล้วค่อยปรับเป็นแปรงฟันเฉพาะสัตว์

Q:ใช้ยาสีฟันคนได้หรือไม่? 

A: ห้ามใช้เด็ดขาด! ยาสีฟันสำหรับคนมีสารฟลูออไรด์และไซลิทอลที่เป็นพิษต่อสุนัขและแมว ต้องใช้ยาสีฟันเฉพาะสัตว์เท่านั้น หรือหากไม่มี สามารถใช้น้ำเปล่าแปรงได้ แต่จะได้ผลน้อยกว่า

Q:หากสุนัขแมวไม่ยอมให้แปรงฟัน มีวิธีอื่นไหม? 

A: มีทางเลือกอื่น เช่น อาหารเฉพาะโรคฟันที่มีเส้นใยพิเศษช่วยขัดฟัน, ขนมขัดฟันที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ, น้ำยาหยดในน้ำดื่มที่ช่วยลดแบคทีเรีย, หรือของเล่นขัดฟัน แต่วิธีเหล่านี้จะได้ผลน้อยกว่าการแปรงฟัน

Q. การขูดหินปูนต้องทำบ่อยแค่ไหน? 

A: โดยทั่วไปควรทำปีละ 1-2 ปี / 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากของแต่ละตัว สุนัขแมวที่มีปัญหามากอาจต้องถอนฟันร่วมด้วย การขูดหินปูนต้องทำภายใต้การวางยาสลบ จึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและความจำเป็น

Q. อายุเท่าไหร่ควรเริ่มดูแลฟันให้สุนัขแมว? 

A: ควรเริ่มตั้งแต่อายุ 8-12 สัปดาห์ โดยเริ่มจากการให้คุ้นเคยกับการสัมผัสปากและเหงือก จากนั้นค่อยๆ ฝึกให้ชินกับการแปรงฟัน ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งง่ายต่อการฝึก และยิ่งป้องกันปัญหาได้ดีกว่า อย่ารอจนมีปัญหาค่อยเริ่ม



สพ.ญ. ทิวาพร เสถียรศักดิ์พงศ์ (Dr.Tiwaporn Satiensagpong)
ศูนย์ศัลยกรรมและวิสัญญี / คลินิกช่องปากและฟัน


หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง สนใจบริการ อาบน้ำตัดขน ว่ายน้ำ สั่งซื้อสินค้าสัตว์เลี้ยงออนไลน์ สามารถสอบถามได้ที่


#ThonglorPetHospital #TheBestAlways

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor