อาหารเปียกแมวกินเยอะอันตรายไหม เริ่มกินได้ตอนอายุกี่เดือน

แชร์
แมว 4 สิงหาคม 2568 20 ครั้ง

อาหารเปียกเป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมในหมู่ทาสแมว แถมยังมีรสชาติที่เจ้าเหมียวชื่นชอบ พร้อมกับกลิ่นที่หอมชวนกิน ได้รสชาติที่สดใหม่ อีกทั้งยังมีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ รวมถึงมีน้ำเป็นส่วนประกอบที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกาย แต่แม้ว่าอาหารเปียกจะดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน แต่ทาสแมวก็ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสม เพราะกลัวว่าแมวกินอาหารเปียกมาก ๆ จะเป็นอันตรายไหม และลูกแมวจะกินอาหารเปียกได้ตอนไหน ? เพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและมีสุขภาพดี ไปดูคำตอบกันเลย

อาหารเปียกแมว คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง ?

อาหารเปียกแมว คือ อาหารที่มีความชื้นสูงมากกว่าปกติ (ประมาณ 60–70%) ซึ่งเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับเหยื่อตามธรรมชาติของแมว มักจะอยู่ในรูปของเนื้อสัตว์ที่บดเป็นชิ้นเล็ก ๆ อย่างไก่ ปลา หรือเนื้อแกะ บรรจุในซองหรือกระป๋อง

ตามธรรมชาติ แมวเป็นสัตว์ที่กินน้ำน้อย แต่จะได้รับน้ำจากเหยื่อที่กินเป็นอาหาร แต่พอปรับเปลี่ยนมาเป็นแมวบ้าน แมวบางตัวก็ยังไม่ค่อยจะกินน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาการขาดน้ำ โดยเฉพาะกับแมวที่เป็นโรคไต ดังนั้น การให้แมวกินอาหารเปียก ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่ร่างกาย

ข้อดีของอาหารเปียกที่สำคัญ

  • ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่ร่างกาย เหมาะสำหรับแมวที่กินน้ำน้อย ลดโอกาสการเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ
  • มีรสชาติอร่อย กลิ่นหอม ทำให้แมวเจริญอาหารมากกว่า เหมาะกับแมวที่กินยาก
  • มีโปรตีนสูงและมีการเติมสารอาหารเข้าไปในส่วนผสมอย่างครบถ้วน
  • แคลอรีต่ำ ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี
  • เหมาะกับแมวเด็ก แมวสูงอายุ แมวป่วย และแมวที่มีปัญหาเรื่องฟัน

ข้อควรระวังในการให้อาหารเปียก

  • หลังเปิดซองหรือกระป๋องควรกินให้หมดทันที เพราะอาจจะเก็บรักษาได้ไม่นาน
  • ราคาสูงกว่าอาหารเม็ด
  • มีผลต่อสุขภาพฟันในระยะยาว อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากได้ เนื่องจากไม่ได้ขัดฟันเหมือนการกินอาหารเม็ด

ประเภทของอาหารเปียก

ปัจจุบันอาหารเปียกในท้องตลาด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

1. มูส (Mousse)

เป็นอาหารเปียกที่มีเนื้อเนียนละเอียดคล้ายครีมนุ่ม ๆ กินง่าย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับแมวเด็ก

2. เกรวี (Gravy)

มีลักษณะเป็นซุปข้น และมีส่วนประกอบของน้ำจำนวนมาก เหมือนเป็นน้ำซุปผสมกับเนื้อสัตว์ รสชาติอร่อย เป็นที่ชื่นชอบของแมว

3. เจลลี (Jelly)

เป็นอาหารแมวเปียกที่นำเนื้อและน้ำทำเป็นวุ้นเจลลี มีความนุ่มลื่น เพิ่มรสสัมผัสที่หลากหลาย


อาหารเปียกแมวมีทั้งแบบมูส เกรวี่ และเจลลี


แมวกินอาหารเปียกมาก ๆ อันตรายไหม ?

คำตอบคือ ไม่เป็นอันตราย หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมและมีสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องต่อสุขภาพ เช่น อ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป หรือมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย อย่างไรก็ตาม อาหารเปียกแมวที่วางขายมักจะมีการเติมสารอาหารที่เหมาะสมลงไป โดยทั่วไปแมวโต ควรให้ปริมาณอาหารเปียกประมาณ 2 ซองต่อวัน ผสมกับอาหารเม็ดเพื่อให้แมวได้รับสารอาหารครบถ้วนและหลากหลาย

ลูกแมวกินอาหารเปียกได้ตอนไหน ?

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มให้อาหารแมวเปียกคือประมาณ 4 สัปดาห์เป็นต้นไป

ตารางอาหารที่เหมาะสมของลูกแมวในแต่ละช่วงวัย

ช่วงอายุคำแนะนำ
แรกเกิด - 4 สัปดาห์นมแม่แมวหรือนมทดแทนนมแม่เท่านั้น
4-8 สัปดาห์เริ่มฝึกกินอาหารเปียกสำหรับลูกแมว โดยผสมกับนมทดแทนทีละน้อย และแบ่งเป็นมื้อย่อยประมาณ 4–5 มื้อต่อวัน
8 สัปดาห์ – 10 เดือนอาหารเปียกหรืออาหารเม็ดสูตรลูกแมว ตามความเหมาะสม

วิธีการเลือกอาหารเปียกให้แมว ที่จริงแล้วแมวควรกินอาหารแบบไหน ?

การเลือกสูตรอาหารเปียกแมวมีความสำคัญพอ ๆ กับปริมาณที่ให้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีอาหารเปียกแมวมากมายในท้องตลาดให้เลือก แนะนำให้เลือกโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • เลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยของแมว โดยแมวเด็กควรได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันปานกลาง เสริมด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ส่วนแมวสูงวัยหรือมีโรคประจำตัวควรได้รับอาหารสูตรเฉพาะตามความแนะนำของสัตวแพทย์
  • เลือกอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูงจากเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ ปลา หรือเนื้อแกะ ซึ่งให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วน และงดโปรตีนหลักจากพืช
  • ตรวจสอบปริมาณโปรตีนและไขมัน เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารที่เพียงพอ
  • เลือกอาหารที่ได้รับการรับรองโภชนาการครบถ้วนจากมาตรฐานสากล เช่น AAFCO (Association of American Feed Control Officials) ซึ่งจะมีการระบุบนฉลากว่า “Complete and Balanced” หรือ “Meets the nutritional levels established by the AAFCO Cat Food Nutrient Profiles”
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีธัญพืชหรือสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น โดยเลือกอาหารที่ระบุว่าเป็น Natural, Grain Free ไม่มี By-product หรือ Chemical Additive

อาหารเปียกที่ดีจะช่วยให้แมวมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขกับการกินมากขึ้น แต่ควรให้ในปริมาณที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการให้มากเกินไป

ปริมาณอาหารเปียกแมวที่ควรให้ในแต่ละวัน

แมวแต่ละตัวมีน้ำหนักและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน โดยควรปรับให้เหมาะสมตามน้ำหนักดังต่อไปนี้

  • แมวน้ำหนัก 2–3 กิโลกรัม: ควรได้รับอาหารเปียกประมาณ 48–63 กรัมต่อวัน
  • แมวน้ำหนัก 5–6 กิโลกรัม: ควรได้รับอาหารเปียกประมาณ 89–100 กรัมต่อวัน
  • แมวน้ำหนัก 7–8 กิโลกรัม: ควรได้รับอาหารเปียกประมาณ 111–122 กรัมต่อวัน

ดูแลสุขภาพแมวต้องเริ่มต้นด้วยอาหารแมวคุณภาพ เหมาะสำหรับช่วงวัย และทุกปีอย่าลืมพามาโรงพยาบาลตรวจสุขภาพสัตว์ประจำปีที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ซึ่งเป็นคลินิกรักษาสัตว์ในกรุงเทพฯ มีหลายสาขาใกล้บ้านคุณ เราพร้อมให้บริการตรวจรักษาและดูแลสัตว์เลี้ยงตลอด 24 ชม. ติดต่อสอบถามได้ที่ 02-079-9999 หรือ Line Official @jaothonglor

ข้อมูลอ้างอิง


หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง สนใจบริการ อาบน้ำตัดขน ว่ายน้ำ สั่งซื้อสินค้าสัตว์เลี้ยงออนไลน์ สามารถสอบถามได้ที่


#ThonglorPetHospital #TheBestAlways

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor