โรคหัดแมวในลูกแมว อันตรายแค่ไหน ป้องกันอย่างไรดี ?

แชร์
แมว ,โรคและการรักษา 17 สิงหาคม 2568 311,066 ครั้ง

ไข้หัดแมวคืออะไร  อาการรุนแรงแค่ไหน รักษาได้ไหม ?

โรคไข้หัดแมว เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส (Feline Parvovirus) พบได้ทั่วไปเฉพาะในสัตว์ตระกูลแมว อาทิ แมวป่า, เสือ, สิงโต รวมไปถึงสัตว์จำพวกสกั๊งค์ แร็กคูน หรือมิ้งค์ ซึ่งโรคร้ายนี้ได้คร่าชีวิตน้องแมวแสนรักของใครหลาย ๆ คน ไปเป็นจำนวนมากต่อปี แล้วโรคหัดแมวเกิดจากอะไร ? ทั้ง ๆ ที่เราก็เลี้ยงแมวของเราเป็นอย่างดี ซึ่งคำถามนี้ก็ถือเป็นคำถามที่เจ้าของส่วนใหญ่สงสัย

ดังนั้นวันนี้ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจะพาทาสแมวทุกท่านมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของโรคหัดแมว ทั้งเรื่องของอาการว่าเป็นอย่างไร ใช้เวลารักษากี่วันหาย ตลอดจนถึงวิธีการปฏิบัติเบื้องต้น เมื่อพบว่าแมวของเราเข้าข่ายจะติดเชื้อไวรัสดังกล่าว


สาเหตุของการเกิดไข้หัดแมว ติดเชื้อจากอะไร

โรคหัดแมวเกิดจากอะไร ?

ไข้หัดแมว หรือที่รู้จักในชื่อทางการว่า โรคหัดแมว (Feline Panleukopenia) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสจำพวกพาร์โวไวรัส (Feline Parvovirus) ซึ่งจะเข้าไปทำให้เกิดความเสียหายกับระบบทางเดินอาหาร สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและอาจมีอาการรุนแรง โดยเฉพาะกับแมวที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี หรือยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันอย่างครบถ้วน แต่สำหรับแมวที่ได้รับวัคซีนป้องกันแล้ว อาการจะรุนแรงน้อยกว่า รวมไปถึงมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าของจะดูแลแมวเป็นอย่างดี แต่หากพลาดปล่อยให้น้องแมวไปคลุกคลีกับแมวที่มีเชื้อไวรัสนี้ แมวของเราก็อาจติดเชื้อได้ โดยผ่านการสัมผัสอุจจาระ น้ำลาย หรือของใช้ร่วมกันกับแมวที่ติดเชื้อ เช่น ชามอาหาร, น้ำพุแมว, ขนม หรือของเล่น

อีกทั้งในบางกรณี เจ้าของก็อาจเป็นพาหะนำไข้หัดแมวมาสู่บ้านโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะหากมีการสัมผัสแมวป่วยภายนอกมาก่อน และมาสัมผัสกับแมวที่บ้าน 


อาการเบื้องต้นของ ไข้หัดแมว

 สาเหตุของการเกิดไข้หัดแมว ติดเชื้อจากอะไร


วิธีสังเกตอาการหัดแมว

เมื่อแมวของคุณติดเชื้อไข้หัดแมว จะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วัน จากนั้นจะเริ่มแสดงอาการต่าง ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งการรู้เท่าทันหัดแมว ด้วยการสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เจ้าของสามารถพาแมวเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา โดยอาการที่ควรระวัง มีดังนี้

  • ไม่อยากอาหาร ทานอาหารได้น้อยลง หรือไม่ทานอาหารเลย
  • เซื่องซึม ไม่ร่าเริง รวมถึงไม่เล่นของเล่น หรือเข้ามาเล่นกับเจ้าของ
  • มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ถ่ายเป็นเลือดซึ่งมีกลิ่นฉุน โดยหากถ่ายหนักเกินไปอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และอาการช็อกตามมา
  • อาเจียนออกมาเป็นอาหารที่ทาน หรืออาเจียนเป็นน้ำเหลือง
  • มีอาการปวดเกร็งที่ช่องท้อง
  • มีไข้สูงเฉียบพลัน คล้ายไข้หวัด
  • ปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ หรือในเคสที่อาการหนักมาก อาจไม่สามารถตรวจวัดเม็ดเลือดขาวได้เลย

ในอาการที่กล่าวมาข้างต้น หากเจ้าของเริ่มสงสัยหรือสันนิษฐานได้ว่าแมวของคุณอาจติดเชื้อไข้หัดแมว ควรรีบโทรปรึกษาสัตวแพทย์อย่างเร่งด่วน หรือนำน้องแมวส่งโรงพยาบาลรักษาไข้หัดแมวโดยทันที เพราะอาการของหัดแมว หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนเกิดภาวะช็อก และเสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่วัน โดยเฉพาะในลูกแมวที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง การได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์ตั้งแต่แรกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง


วิธีป้องกันและการรักษาไข้หัดแมว

วิธีป้องกันและการรักษาไข้หัดแมว

แม้โรคหัดแมวจะมีอาการรุนแรง แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งสัตวแพทย์แนะนำให้เริ่มฉีดตั้งแต่แมวอายุ 2 เดือน โดยมีคำแนะนำ ดังนี้ 

  • เข็มแรกฉีดเมื่อ แมวอายุ 2 เดือน ขึ้นไป
  • เข็มที่สองฉีด เมื่อแมวอายุ 3 เดือน 
  • เข็มที่สาม ฉีดเมื่อ แมวอายุ 4 เดือน
  • เข็มถัดไป ฉีดทุก ๆ 1-3 ปี เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

สำหรับแมวที่เป็นโรคหัดแมวมา สัตวแพทย์จะทำการรักษาโดยให้ยาพยุงอาการ เพื่อให้น้องแมวสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นเอง โดยวิธีการที่นิยมใช้ คือ 

  • การให้สารอาหารและสารน้ำผ่านทางหลอดเลือด (Fluid Therapy) 
  • การฉีดยาฆ่าเชื้อ หรือยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น 
  • ให้ยาบำรุงหรืออาหารสูตรพิเศษเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

หากเจ้าของเป็นกังวลว่า การรักษาโรคหัดแมวจะใช้เวลากี่วันหาย ? โดยเฉลี่ยแล้วจะมีระยะฟื้นตัวอยู่ที่ 7–14 วัน แต่จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษาและสภาพภูมิคุ้มกันของแมวแต่ละตัว 

วิธีสังเกตอาการหัดแมวและป้องกันให้เหมาะสม

ข้อควรปฏิบัติในการป้องกันไข้หัดแมว


เพื่อความปลอดภัยสูงสุด เจ้าของแมวไม่ควรสัมผัสแมวป่วยนอกบ้าน เพราะอาจนำเชื้อกลับมาติดน้องที่บ้านได้ รวมไปถึงหากนำแมวออกมานอกบริเวณที่เลี้ยง ควรทำความสะอาดร่างกายแมวของคุณให้ดี เพื่อป้องกันพฤติกรรมการเลียทำความสะอาดร่างกายของแมว ซึ่งอาจนำเชื้อเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารได้นั่นเอง 

ส่วนในกรณีที่มีการรับแมวใหม่เข้ามา เจ้าของควรปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอาการของหัดแมว และรักษาความปลอดภัยให้กับแมวตัวอื่น ๆ ดังนี้

  • นำแมวใหม่เข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด และรับวัคซีนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
  • กักบริเวณแมวใหม่ก่อนเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อสังเกตอาการ และป้องกันการนำเชื้อภายนอกเข้ามา
  • ทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอด้วย ด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของ โซเดียมไฮโปคลอไรต์

สุดท้ายนี้ เป็นการตอบคำถามที่ทาสแมวหลายคนสงสัย ว่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หัดแมว สามารถติดต่อมาสู่คนได้หรือไม่ ? คำตอบคือ ไม่สามารถติดต่อสู่คนได้ เพราะไวรัส Feline Parvovirus เป็นไวรัสเฉพาะในกลุ่มสัตว์ตระกูลแมวเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าควรละเลยการป้องกัน โดยเฉพาะในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ (Exotic) เช่น แมวป่า มิ้งค์ หรือแร็กคูน หรือสัตว์ประเภทแมวอื่น ๆ ที่จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เจ้าของควรพาสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เข้ารับวัคซีนที่จำเป็น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อภายในบ้านและดูแลสุขภาพสัตว์ทุกตัวให้ปลอดภัยแข็งแรง 


รักษาโรคไข้หัดแมว ดูแลอาการอย่างใกล้ชิดที่ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

อย่ารอให้สายเกินไป หากสงสัยว่าแมวของคุณกำลังมีอาการที่เข้าข่ายเป็นโรคหัดแมว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อพร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยทีมสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อ มีระบบแยกโรคที่ปลอดภัย ให้เจ้าของอุ่นใจ


ทุกช่วงเวลาที่ต้องการพบสัตวแพทย์รักษาไข้หัดแมว ด้วยสาขาโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และในประเทศเวียดนาม  

สอบถามเพิ่มเติม ปรึกษา หรือจองคิวล่วงหน้าได้ที่ 



คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q : เลี้ยงแมวระบบปิด ไม่เคยออกนอกบ้าน จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัดแมวหรือไม่ ?

A: จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้แมวจะอยู่ในบ้านตลอดเวลา แต่ไวรัส Feline Parvovirus สามารถติดมากับเสื้อผ้า รองเท้า หรือมือของเจ้าของโดยไม่รู้ตัว การฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีป้องกันที่ปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด

Q : จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการของหัดแมว ไม่ใช่อาการป่วยทั่ว ๆ ไป ?

A : ไข้หัดแมว มีอาการเริ่มต้นคล้ายคลึงกับอาการป่วยทั่วไป เช่น ซึม เบื่ออาหาร หรืออาเจียน แต่จะมีระดับความรุนแรงมากกว่า และลุกลามอย่างรวดเร็ว หากแมวมีอาการป่วยหลายอย่างร่วมกัน เช่น อาเจียน ท้องเสีย และไข้สูง ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยทันที

Q : หากพบว่าแมวตัวใดตัวหนึ่งในบ้านติดไข้หัดแมว ควรดูแลแมวตัวอื่นอย่างไร ?

A: ควรแยกแมวที่ติดเชื้อออกจากตัวอื่นทันที โดยให้ทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรต์ และนำแมวที่ยังไม่เคยรับวัคซีนเข้าสู่กระบวนการฉีดวัคซีนโดยด่วน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

Q : หากแมวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัดแมวแล้ว ต้องใช้เวลารักษากี่วันหาย ?

A: ระยะฟื้นตัวโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 7–14 วัน ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพร่างกาย และการตอบสนองต่อการรักษา หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ อัตราการฟื้นตัวอาจเร็วขึ้น 

Q : หากแมวมีอาการเสี่ยง สามารถไปรักษาไข้หัดแมวในกรุงเทพฯ ที่ไหนได้บ้าง ?

A : สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการรักษาไข้หัดแมว และอาการป่วยอื่น ๆ รวมถึงเคสฉุกเฉินของสัตว์ทุกชนิด ดูแลโดยทีมสัตวแพทย์เฉพาะทาง และมีระบบแยกโรคที่ปลอดภัย สามารถตรวจสอบสาขาโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อได้ที่นี่

 


Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor


หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง สนใจบริการ อาบน้ำตัดขน ว่ายน้ำ สั่งซื้อสินค้าสัตว์เลี้ยงออนไลน์ สามารถสอบถามได้ที่


#ThonglorPetHospital #TheBestAlways

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor