เชื้อราแมว รักษาอย่างไรให้หายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำ

แชร์
สุนัข ,แมว ,โรคและการรักษา ,โรคที่พบบ่อยในสัตว์เลี้ยง 17 สิงหาคม 2568 391,675 ครั้ง

“โรคเชื้อราแมว” คือหนึ่งในโรคติดต่อในแมวที่พบได้บ่อย โดยมีสาเหตุหลักจากการติดเชื้อรา ที่เกิดจากการสะสมความชื้นบนร่างกายของแมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแมวพันธุ์ขนยาว ยกตัวอย่างเช่น เปอร์เซีย หรือ สก็อตติช อย่างไรก็ตาม เชื้อราแมวเป็นโรคที่รักษาได้ และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับน้องแมวสุดที่รักของเรา 

บทความนี้ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจึงอยากพาเจ้าของน้องแมวทุกท่านมาทำความรู้จักโรคนี้ให้มากขึ้น มาดูกันว่า เชื้อราแมวเกิดจากอะไร แมวเป็นเชื้อรามีอาการอย่างไร และจะป้องกันอย่างไรไม่ให้น้องแมวเป็นเชื้อรา ติดตามกันได้เลย


อาการ เชื้อราแมว เป็นยังไง

แมวเป็นเชื้อราเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร

เชื้อราแมว ส่วนใหญ่กว่า 90% มักจะเกิดจากเชื้อราสายพันธุ์ Microsporum Canis โดยเมื่อแมวเป็นเชื้อรา บริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อจะมีลักษณะ แห้ง แดง ลอกเป็นขุย ขนร่วง และบางตัวอาจมีอาการตกสะเก็ดร่วมด้วยซึ่งอันตรายของโรคเชื้อราแมวก็คือ โรคนี้เป็นโรคติดต่อ หากในพื้นที่เลี้ยงมีแมวมากกว่า 1 ตัว จะสามารถติดต่อจากแมวสู่แมวได้ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสู่คนได้อีกด้วย 

เชื้อราแมวเกิดจากอะไร ?

  • แมวที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น แมวสูงอายุที่สุขภาพไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิม หรือเป็นแมวเด็กที่มีอายุน้อย ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
  • สภาพแวดล้อมพื้นที่ที่อยู่อาศัยไม่สะอาด มีความชื้นสูง ไม่มีอากาศถ่ายเท
  • แมวได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนัง และไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

จากปัจจัยเหล่านี้ จะเห็นได้ว่า เจ้าของสามารถหาวิธีป้องกันไม่ให้น้องแมวเป็นเชื้อราได้ไม่ยาก เพียงหมั่นดูแลเอาใจใส่ รักษาความสะอาด และพาสัตว์เลี้ยงไปเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

อาการเริ่มต้นที่เป็นสัญญาณเตือนของเชื้อราแมว

  • ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ใบหู ขา หรือหาง
  • ผิวหนังแห้ง แดง ลอกเป็นขุย หรือมีสะเก็ด
  • มีรอยแดงเป็นวงกลมที่ผิวหนัง 
  • แมวเกา เลีย หรือกัดบริเวณที่ติดเชื้อบ่อย
  • ขนบริเวณที่เป็นเชื้อราดูบางผิดปกติหรือหลุดร่วงง่าย


รักษาเชื้อรา แมว อย่างไร ให้ตรงจุด

วิธีรักษาเชื้อราแมวอย่างตรงจุด


หลังจากสังเกตอาการที่เกิดขึ้นเบื้องต้นแล้ว หากเจ้าของท่านใดที่กังวลว่า แมวของเราอาจกำลังเป็นโรคเชื้อรา ควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโดยทันที โดยมีขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยหลัก ๆ ดังนี้

  • สัตวแพทย์จะทำการถอนขนบางส่วนออก เพื่อนำเส้นขนไปตรวจหาชนิดของเชื้อรา
  • ใช้โคมไฟ Wood Lamp ส่องตรวจบริเวณที่แมวเป็นแผลเชื้อรา หากเกิดแสงสะท้อนสีเขียวจากรอยสะเก็ดบนผิวหนัง ก็มีโอกาสจะเป็นเชื้อราสูง แต่วิธีนี้สามารถตรวจได้เฉพาะเชื้อราสายพันธุ์ Microsporum Canis เท่านั้น
  • เพื่อความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัย ขนที่ถูกถอนออกไปจะถูกนำไปเพาะเชื้อราเป็นเวลา 7-21 วัน โดยหากเกิดเชื้อราจริง ถาดเพาะเชื้อจะเปลี่ยนสี และมีโคโลนีสีขาวเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากมั่นใจแล้วว่า เชื้อราที่เกิดขึ้นบนตัวแมวนั้นมีสาเหตุมาจากเชื้อราสายพันธุ์ใด คุณหมอก็จะเริ่มกระบวนการ รักษาเชื้อราแมว ดังนี้

  • จ่ายยาสำหรับกิน ในกลุ่มต้านเชื้อรา เช่น Terbinafine Itraconazole หรือ Fluconazole เป็นต้น
  • จ่ายยาเชื้อราแมวประเภทจุ่ม หรือทาบริเวณผิว ได้แก่ Funginox Lamisil โดยยาประเภทนี้จะเหมาะมากกับสัตว์เลี้ยงที่อายุน้อย และไม่สามารถทานยาได้ปกติ
  • จ่ายแชมพูที่มีส่วนผสมของ Miconazole Ketoconazole หรือ 2% Chlorhexidine ซึ่งสามารถลดจำนวนของเชื้อราลงได้
  • ในบางกรณี สัตวแพทย์อาจแนะนำให้น้องแมวตัดขนร่วมกับการรักษา เพราะการโกนขนอาจทำให้ประสิทธิภาพการทายาดียิ่งขึ้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำในน้องแมวทุกตัว

หลังปฏิบัติตามวิธีรักษาเชื้อราแมวอย่างต่อเนื่อง สัตวแพทย์จะทำการเพาะเชื้ออีก 1-2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 2-4 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะไม่พบเชื้อรา นอกจากนี้ ยังสามารถสังเกตได้จากรอยบนผิวหนังที่จะค่อย ๆ จางลง และหายไปในที่สุด






หลังจากสังเกตอาการที่เกิดขึ้นเบื้องต้นแล้ว และเป็นกังวลว่าแมวของเรากำลังเป็นโรคเชื้อรา คุณควรพาน้องแมวไป โรงพยาบาลสัตว์เพื่อพบสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที และเมื่อพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เรียบร้อยแล้ว ทางคุณหมอก็จะวินิจฉัยโรค ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • ถอนขนบางส่วนออก เพื่อนำเส้นขนไปตรวจหาชนิดของเชื้อรา
  • ใช้โคมไฟ Wood Lamp ส่องตรวจบริเวณรอยโรค หากเกิดแสงสะท้อนสีเขียว รอบวง หรือรอยสะเก็ด ก็มีโอกาสจะเป็นเชื้อราสูง แต่วิธีนี้สามารถตรวจได้เชื้อราสายพันธุ์ Microsporum Canis เท่านั้น จึงมีความแม่นยำไม่สูงนัก
  • เพื่อความแม่นยำ ขนที่ถูกถอนออกไป จะถูกนำไป เพาะเชื้อรา เป็นเวลา 7-21 วัน โดยหากเกิดเชื้อราจริง ถาดเพาะเชื้อจะเปลี่ยนสี และมีโคโลนีสีขาวเกิดขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

โดยหลังจากมั่นใจแล้วว่า เชื้อราที่เกิดขึ้นบนตัวแมวนั้น มีสาเหตุมาจากเชื้อราสายพันธุ์ใด คุณหมอก็จะเริ่มกระบวนการ รักษาเชื้อราแมว ดังนี้

  1. รับประทานยากลุ่มต้านเชื้อรา เช่น Terbinafine Itraconazole หรือ Fluconazole เป็นต้น
  2. ใช้ยาประเภทจุ่ม หรือทาบริเวณผิว ได้แก่ Funginox Lamisil โดยยาประเภทนี้จะเหมาะมากกับสัตว์เลี้ยงที่อายุน้อย และไม่สามารถทานยาได้ปกติ
  3. ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ Miconazole Ketoconazole หรือ 2% Chlorhexidine ซึ่งสามารถลดจำนวนของเชื้อราลงได้
  4. การตัดขนร่วมกับการรักษา เป็นตัวเลือกที่ไม่จำเป็นเสมอไป โดยการโกนขนอาจทำให้ประสิทธิภาพการทายาดียิ่งขึ้นได้ แต่ก็อาจส่งผลต่อการกระจายตัวของเชื้อรามากขึ้น

หลังการรักษาข้างต้นอย่างต่อเนื่อง สัตวแพทย์จะทำการเพาะเชื้อจนกว่าจะไม่พบเชื้อรา 1-2 ครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตร่วมกับรอยด่างของโรคที่จะค่อยๆ จางลง และหายไปในที่สุด

รักษาเชื้อราแมว ก่อนติดต่อสู่คนเลี้ยง


เชื้อราแมวต้องรีบรักษา ก่อนติดต่อสู่คนเลี้ยง

หลังจากปฏิบัติตามวิธีรักษาเชื้อราแมวจนหายดีแล้ว ร่างกายของแมวจะเริ่มมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อราสายพันธุ์ดังกล่าว ซึ่งหมายความว่า หากแมวของเราได้รับเชื้ออีกครั้ง ในระยะเวลาที่ยังมีภูมิคุ้มกันนี้อยู่ ก็จะไม่มีผลกระทบที่รุนแรง เช่น น้องแมวอาจหายป่วยได้เร็วขึ้น หรือในแมวบางตัวอาจไม่มีอาการที่สังเกตได้เด่นชัดเกิดขึ้นเลย แต่อย่างไรก็ตาม แมวตัวนั้นก็ยังสามารถเป็นพาหะที่นำเชื้อราไปติดสู่แมวตัวอื่น ๆ ได้อีก

ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกับเจ้าของและตัวน้องแมวเอง การรักษาความสะอาด และการสังเกตอาการที่อาจติดต่อไปสู่คน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยอาการที่เกิดขึ้นหากผู้เลี้ยงติดเชื้อราจากแมว จะมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • เชื้อราจะติดได้ง่ายขึ้นกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ นอนไม่เพียงพอ หรือมีความเครียดสะสม
  • ร่องรอยการติดเชื้อรา จะเรียกว่า รอยกลาก (Ringworm) คล้ายกับรอยที่เกิดขึ้นบนแมว แต่จะเห็นได้ชัดเจนกว่า
  • ผิวหนังจะแห้งลอกเป็นวง มีขอบแดง ๆ และมีตุ่มเล็ก ๆ ร่วมกับอาการคัน


โดยหากเจ้าของติดเชื้อราจากแมว สามารถปรึกษาเภสัชกรใกล้บ้านเพื่อรับยาทาเชื้อราแมว หรือหากเป็นหลายจุด ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินอาการและรับการรักษาในขั้นต่อไป อย่างไรก็ตาม สปอร์ของเชื้อรานั้น ไม่ได้ติดอยู่แค่บนผิวหนังของแมว แต่สามารถฟุ้งกระจายไปได้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะจุดที่มีการถ่ายเทอากาศต่ำ เช่นมุมอับ หรือจุดที่แสงส่องเข้าไปไม่ถึง จึงควรทำความสะอาดสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยทั้งหมด หลังจากที่ทั้งผู้เลี้ยงและแมวหายจากเชื้อราเรียบร้อยแล้ว


อยากให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดี โปรดไว้ใจให้โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อดูแล

เมื่ออ่านบทความมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าเจ้าของแมวจะสามารถคลายกังวล และมีความพร้อมมากขึ้น หากแมวสุดที่รักของท่านเกิดติดเชื้อราขึ้นมา ซึ่งถึงแม้วิธีรักษาเชื้อราแมวจะทำได้ไม่ยาก และป้องกันได้ง่าย แต่ก็ไม่ควรละเลยความใส่ใจในจุดนี้ไป หากแมวของท่านอาการยังไม่ดีขึ้น เราขอแนะนำให้พามาที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่พร้อมดูแลสัตว์เลี้ยงของท่านเปรียบเสมือนเป็นสัตว์เลี้ยงของเราเอง

เราพร้อมให้บริการดูแลเรื่องการรักษาแมวทุกขนาด ทุกสายพันธุ์ ด้วยทีมงานสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย สถานที่ที่สะอาด ปลอดภัย และคุณภาพระดับสากล เพราะเราเชื่อว่า ทุกการเจ็บป่วย ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น ทุกปัญหาของสัตว์เลี้ยงของคุณ คือปัญหาของเรา โปรดไว้ใจให้เราได้ดูแล ที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อสาขาใกล้บ้านคุณ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง หรือสนใจบริการ อาบน้ำตัดขน ว่ายน้ำ หรือต้องการสั่งซื้อสินค้าสัตว์เลี้ยงออนไลน์ สามารถสอบถามได้ที่


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q : เชื้อราแมวเกิดจากอะไร ?

A : เชื้อราแมวส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อราสายพันธุ์ Microsporum Canis ซึ่งเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีความชื้น หรืออากาศถ่ายเทไม่ดี โดยเฉพาะแมวที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ขนยาว หรือผิวหนังมีแผลอยู่แล้ว 

Q : เชื้อราแมว อาการเริ่มต้นเป็นอย่างไร ?

A : อาการเริ่มต้นของเชื้อราแมวมักพบขนร่วงเป็นวงกลม ผิวหนังแห้ง แดง ลอกเป็นขุย หรือมีสะเก็ด แมวบางตัวอาจเกาบ่อย หรือมีแผลบริเวณใบหน้า หู ขา หรือหาง หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยทันที

Q : แมวเป็นเชื้อรา อาการต่างจากโรคอื่นอย่างไร ?

A : เชื้อรามักแสดงอาการเฉพาะที่ เช่น ขนร่วงเป็นวง ผิวหนังแห้งลอก และมีสะเก็ด ส่วนโรคผิวหนังหรืออาการแพ้ชนิดอื่น ๆ อาจมีตุ่มแดงผิดปกติขึ้นตามผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ควรพาน้องแมวที่มีอาการเข้าพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและระบุโรคที่แท้จริง

Q : เชื้อราแมวรักษาอย่างไร ?

A : การรักษาเชื้อราแมวต้องอาศัยการวินิจฉัยที่แม่นยำ โดยคุณหมออาจจ่ายยาทาเชื้อราแมว, ยากินต้านเชื้อรา และแชมพูฆ่าเชื้อ ควบคู่ไปกับการรักษาร่วม เช่น การตัดขนบริเวณที่ติดเชื้อ โดยเจ้าของควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด

Q : วิธีรักษาเชื้อราแมว มีขั้นตอนอย่างไร ?

A : วิธีรักษาเชื้อราแมว ประกอบด้วย

  • การใช้ยาทาเชื้อราแมว เช่น Lamisil, Funginox
  • การให้ยากินกลุ่ม Terbinafine หรือ Itraconazole
  • ใช้แชมพูที่มี Miconazole หรือ Ketoconazole ร่วมกับการรักษาความสะอาดบ้านและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแมว

Q : เชื้อราแมวรักษานานแค่ไหนถึงจะหาย ?

A : ระยะเวลารักษาเชื้อราแมวขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ 

Q: แมวเป็นแผลเชื้อรา ต้องโกนขนหรือไม่ ?

A : การโกนขนแมวเป็นทางเลือกเสริมที่อาจช่วยให้ยาทาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น แต่ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของสัตวแพทย์

Q : เชื้อราแมวติดต่อสู่คนหรือสัตว์อื่นได้ไหม ?

A : ติดต่อได้ เชื้อราแมวเป็นโรคติดต่อ ทั้งจากแมวสู่แมว และแมวสู่คน โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากแมวเป็นเชื้อรา ควรทำความสะอาดบ้าน แยกแมวที่ติดเชื้อ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสแมว

Q : แมวเคยเป็นเชื้อราแล้ว จะกลับมาเป็นซ้ำอีกไหม ?

A: มีโอกาส หากไม่ดูแลสภาพแวดล้อม หรือมีการสัมผัสกับแมวที่ยังมีเชื้ออยู่ แม้แมวบางตัวจะมีภูมิคุ้มกันหลังหาย แต่ยังสามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อได้ ดังนั้นการป้องกันจึงสำคัญพอ ๆ กับการรักษา


Powered by Froala Editor


หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง สนใจบริการ อาบน้ำตัดขน ว่ายน้ำ สั่งซื้อสินค้าสัตว์เลี้ยงออนไลน์ สามารถสอบถามได้ที่


#ThonglorPetHospital #TheBestAlways

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor