นัดหมาย ค้นหาแพทย์ ติดต่อเรา

การรักษาโรคหัวใจในสุนัข: เทคนิค Transcatheter Edge-to-Edge Mitral Valve Repair (TEER) สำหรับโรค Myxomatous Mitral Valve Disease (MMVD)

สุนัข ,แมว ,โรคและการรักษา 16 มีนาคม 2568 174 ครั้ง

ความก้าวหน้าทางการรักษาโรคหัวใจในสุนัข: เทคนิค Transcatheter Edge-to-Edge Mitral Valve Repair (TEER) สำหรับโรค Myxomatous Mitral Valve Disease (MMVD)

โรค Myxomatous Mitral Valve Disease (MMVD) เป็นโรคหัวใจที่พบได้บ่อยที่สุดในสุนัข โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์เล็กถึงกลาง และสุนัขอายุมาก โรคนี้เกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจไมทรัล ทำให้เกิดภาวะลิ้นหัวใจรั่ว (Mitral Regurgitation - MR) ซึ่งเลือดจะไหลย้อนกลับเข้าไปในห้องหัวใจด้านซ้ายบน (Left Atrium) เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะนี้อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure - CHF) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของสุนัข

การรักษาแบบเดิมที่ยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น การใช้ยาขับปัสสาวะและยา pimobendan ช่วยควบคุมอาการและชะลอการดำเนินของโรค แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่โครงสร้างของลิ้นหัวใจโดยตรง นี่คือที่มาของเทคนิคTranscatheter Edge-to-Edge Mitral Valve Repair (TEER)ซึ่งเป็นเทคนิคการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่และดัดแปลงมาจากการรักษาในมนุษย์ โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าV-clampเพื่อซ่อมแซมลิ้นหัวใจไมทรัลโดยไม่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม เทคนิคนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการลดภาวะลิ้นหัวใจรั่วและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของสุนัขที่เป็นโรค MMVD

เทคนิค TEER: การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

TEER เป็นการรักษาที่ทำผ่านแผลผ่าตัดขนาดเล็กที่หน้าอก (mini-thoracotomy) โดยไม่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม อุปกรณ์ V-clamp จะถูกสอดผ่านยอดหัวใจ (cardiac apex) และติดตั้งที่ลิ้นหัวใจไมทรัลบริเวณตำแหน่ง A2-P2 ซึ่งเป็นบริเวณที่มักเกิดการรั่วมากที่สุด การรักษานี้จำเป็นต้องใช้การทำภาพขั้นสูง เช่น การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจผ่านทางหลอดอาหาร (Transesophageal Echocardiography - TEE) และการถ่ายภาพรังสี (Fluoroscopy) เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ถูกวางตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ

เทคนิคนี้มีข้อดีหลายประการ:

  • ลดเวลาการผ่าตัด:ใช้เวลาน้อยกว่าการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด
  • ฟื้นตัวเร็วขึ้น:มีอาการปวดหลังผ่าตัดน้อยลงและหายเร็วขึ้น
  • ใช้ได้กับหลายกรณี:เหมาะสำหรับสุนัขในระยะเริ่มต้น (stage B1) และระยะที่รุนแรง (stages B2 และ C) ของโรค MMVD

กรณีศึกษา: เรื่องราวความสำเร็จในชีวิตจริง

1. การเดินทางสู่สุขภาพที่ดีของสุนัขพันธุ์บีเกิล (Thai Journal of Veterinary Medicine)

รายงานการผ่าตัดเคสในประเทศไทย สุนัขพันธุ์บีเกิลอายุ 9 ปี น้ำหนัก 11.8 กิโลกรัม กลายเป็นสุนัขตัวแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรักษาด้วย TEER อย่างสำเร็จ

  • ผู้ป่วย:สุนัขพันธุ์บีเกิล เพศผู้ อายุ 9 ปี น้ำหนัก 11.8 กิโลกรัม ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค MMVD ระยะ B1
  • อาการทางคลินิก:มีเสียงฟู่ที่หัวใจระดับ III/VI แต่ไม่มีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลว
  • การรักษา:สุนัขได้รับการรักษาด้วย TEER โดยใช้อุปกรณ์ V-clamp ผ่านแผลผ่าตัดขนาดเล็กที่หน้าอก การถ่ายภาพช่วยให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ถูกวางตำแหน่งที่บริเวณ A2-P2 ของลิ้นหัวใจไมทรัลได้อย่างแม่นยำ
  • ผลลัพธ์:หลังการรักษา การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจแสดงให้เห็นว่าไม่มีเลือดรั่วเหลืออยู่ และขนาดของห้องหัวใจด้านซ้ายบนและล่างลดลง แสดงว่าภาวะความดันในหัวใจลดลง สุนัขมีสุขภาพดีและผลตรวจเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ความสำคัญ:นี่เป็นการรักษาด้วย TEER ครั้งแรกที่สำเร็จในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการรักษาโรค MMVD ในระยะเริ่มต้น

2. ความสำเร็จของ TEER ในสุนัข 4 ตัว (Animals Journal)

TEER ถูกนำมาใช้รักษาสุนัข 4 ตัวที่อยู่ในระยะต่างๆ ของโรค MMVD (2 ตัวอยู่ในระยะ B2 และ 2 ตัวอยู่ในระยะ C) สุนัขเหล่านี้มีอาการเช่น ไอ หายใจลำบาก และไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในภาวะลิ้นหัวใจรั่วรุนแรง

  • ผู้ป่วย:สุนัข 4 ตัวที่เป็นโรค MMVD โดย 2 ตัวอยู่ในระยะ B2 และ 2 ตัวอยู่ในระยะ C มีอาการเช่น ไอ หายใจลำบาก และไม่สามารถออกกำลังกายได้
  • การรักษา:สุนัขทั้งหมดได้รับการรักษาด้วย TEER โดยใช้อุปกรณ์ V-clamp ซึ่งถูกสอดผ่านแผลผ่าตัดขนาดเล็กที่หน้าอกและติดตั้งที่บริเวณ A2-P2 ของลิ้นหัวใจไมทรัล
  • ผลลัพธ์:สุนัขทั้งหมดมีอาการทางระบบหายใจดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้น การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจยืนยันว่าภาวะลิ้นหัวใจรั่วลดลง การทำงานของหัวใจดีขึ้น และขนาดของห้องหัวใจด้านซ้ายบนและล่างลดลง หลังการรักษา สุนัขสามารถหยุดใช้ยาขับปัสสาวะได้
  • ภาวะแทรกซ้อน:สุนัข 1 ตัวมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชั่วคราว ซึ่งได้รับการรักษาด้วย lidocaine อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่นๆ
  • การติดตามผล:หลังจากติดตามผลเป็นเวลา 6 เดือน สุนัขทั้งหมดยังคงมีการทำงานของหัวใจที่ดีขึ้นโดยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์


ทำไม TEER จึงเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ

1. การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่และความปลอดภัยสูง

TEER เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่และไม่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม ซึ่งช่วยลดเวลาการผ่าตัด อาการปวดหลังผ่าตัด และระยะเวลาการฟื้นตัวของสุนัข นอกจากนี้ ยังมีอัตราภาวะแทรกซ้อนต่ำ โดยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชั่วคราวเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยการรักษามาตรฐาน เช่น การใช้ lidocaine การจัดการความปวดหลังผ่าตัดก็ทำได้ดีด้วยการใช้ยาชาเฉพาะที่และยาแก้ปวดกลุ่ม opioids เพื่อให้สุนัขฟื้นตัวได้อย่างราบรื่น

2. ประสิทธิภาพในการลดภาวะลิ้นหัวใจรั่ว

ทั้งสองกรณีศึกษาแสดงให้เห็นว่า TEER สามารถลดภาวะลิ้นหัวใจรั่วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยบรรเทาอาการและปรับปรุงการทำงานของหัวใจ สุนัขที่ได้รับการรักษานี้มีขนาดของห้องหัวใจด้านซ้ายบนและล่างลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าภาวะความดันในหัวใจลดลง

3. ปรับปรุงคุณภาพชีวิต

เจ้าของสุนัขรายงานว่าสุนัขมีพลังงานมากขึ้น อาการทางระบบหายใจดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นหลังจากได้รับการรักษาด้วย TEER สำหรับสุนัขที่เคยมีปัญหาในการออกกำลังกายหรือไอเรื้อรัง การรักษานี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต

4. ประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้ว

TEER ได้แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจในการลดภาวะลิ้นหัวใจรั่ว ปรับปรุงการทำงานของหัวใจ และบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับโรค MMVD สุนัขที่ได้รับการรักษานี้สามารถออกกำลังกายได้ดีขึ้น มีปัญหาทางระบบหายใจน้อยลง และมีคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีขึ้น

5. ศักยภาพในระยะยาว

แม้ว่าการศึกษาปัจจุบันจะติดตามผลผู้ป่วยเป็นเวลา 6 เดือน แต่ผลลัพธ์เบื้องต้นบ่งชี้ว่าการทำงานของหัวใจและคุณภาพชีวิตของสุนัขยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การวิจัยเพิ่มเติมกับกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้นและระยะเวลาติดตามผลที่ยาวนานขึ้นจะช่วยยืนยันประสิทธิภาพในระยะยาวของ TEER

ความท้าทายและข้อจำกัด

แม้ TEER จะมีศักยภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ:

  • การเรียนรู้:การรักษานี้ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษและความเชี่ยวชาญในการใช้ TEE และ Fluoroscopy ซึ่งอาจทำให้การนำไปใช้ในคลินิกทั่วไปทำได้ยากในทันที
  • ข้อจำกัดของอุปกรณ์:ขณะนี้ อุปกรณ์ V-clamp มีขนาดจำกัด ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถใช้กับสุนัขที่มีลิ้นหัวใจขนาดใหญ่ได้
  • ข้อมูลระยะยาว:แม้ผลลัพธ์ในระยะสั้นจะน่าพอใจ แต่ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว

สรุป

Transcatheter Edge-to-Edge Mitral Valve Repair (TEER) ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในวงการเวชศาสตร์หัวใจสัตว์ โดยเสนอทางเลือกการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่สำหรับโรค MMVD เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการ แต่ยังแก้ไขปัญหาที่โครงสร้างของลิ้นหัวใจโดยตรง ซึ่งการรักษาแบบเดิมไม่สามารถทำได้

เรื่องราวความสำเร็จจากประเทศไทยและกรณีศึกษาอื่นๆ ช่วยเน้นย้ำถึงศักยภาพของ TEER ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของสุนัขที่ป่วยเป็นโรค MMVD ด้วยการพัฒนาต่อยอดและการนำไปใช้อย่างกว้างขวาง เทคนิคนี้อาจกลายเป็นทางเลือกการรักษามาตรฐานสำหรับโรคหัวใจในสุนัข ซึ่งให้ความหวังแก่สัตว์เลี้ยงและเจ้าของมากมาย

หากสุนัขของคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค MMVD ควรปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรักษาด้วย TEER เมื่อการวิจัยในด้านนี้ขยายตัวมากขึ้น TEER จะช่วยให้เพื่อนรักของเรามีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดีขึ้น พร้อมกับความสุขได้อย่างเต็มที่

ในเคสที่น้อง มีภาวะลิ้นหัวใจรั่ว สามารถพาน้องมารับบริการและ เข้ารับการปรึกษาได้ ที่ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ พระราม9 

References

  1. Kijtawornrat, A., et al. (2024). Successful Transcatheter Edge-to-Edge Mitral Valve Repair via Minithoracotomy in Canine Myxomatous Mitral Valve Disease: Case Report. The Thai Journal of Veterinary Medicine.
  2. Petchdee, S., et al. (2024). Transcatheter Edge-to-Edge Repair of the Mitral Valve in Four Dogs: Preliminary Results Regarding Efficacy and Safety. Animals.




หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง สนใจบริการ อาบน้ำตัดขน ว่ายน้ำ สั่งซื้อสินค้าสัตว์เลี้ยงออนไลน์ สามารถสอบถามได้ที่


#ThonglorPetHospital #TheBestAlways

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor